เมื่อลูกน้อยเข้าถึงวัยเริ่มรับประทานอาหารที่นอกเหนือไปจากนม อาหารมื้อแรกๆ ของลูกน้อยเป็นมื้อที่สำคัญมาก เป็นการเสริมพัฒนาการและเตรียมความพร้อมในการหัดเคี้ยว เพิ่มประสาทการรับรส และรับสารอาหาร อื่นๆ เพิ่มเติม ซึ่งจะช่วยให้ลูกน้อยเริ่มรับประทานอาหารอย่างอื่นนอกเหนือจากนมได้ ให้เด็กมีการปรับตัวจากการรับประทานอาหารเหลวมาเป็นอาหารกึ่งแข็งกึ่งเหลว (semisolid food) ให้ลูกน้อยคุ้นชินกับเนื้อสัมผัส การเคี้ยวและการกลืน เพื่อที่จะฝึกให้มีพัฒนาการในการรับประทานอาหารแบบผู้ใหญ่ได้ในอนาคต
อาหารมื้อแรกๆที่คุณแม่มักจะนำมาทำอาหารให้ลูกน้อยทาน มักจะเป็นอาหารที่ย่อยง่าย รสไม่จัด และมีประโยชน์ ยกตัวอย่างเช่น ข้าว ผักต่างๆ ผลไม้ ถั่ว ไข่ และน้ำซุป
น้ำสต๊อกหรือน้ำซุปเป็นสิ่งที่ทุกบ้านให้ลูกน้อยวัยเริ่มรับประทานลองเป็นสิ่งแรกๆ เนื่องจากเป็นของเหลว กลืนง่าย รับประทานง่าย มีสารอาหารอื่นๆ เช่นวิตามิน แร่ธาตุ โปรตีน ไขมัน จากผักและเนื้อสัตว์ที่เรานำลงไปเคี่ยวในน้ำสต๊อก และยังมีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก ป้องกันการขาดน้ำสำหรับเด็กที่รับประทานน้ำน้อยอีกด้วย
การทำน้ำสต๊อกให้มีรสชาติที่กลมกล่อมเหมาะสำหรับเด็กเล็กจึงเป็นสิ่งจำเป็น ลูกน้อยยังไม่คุ้นชินกับกลิ่นและรสชาิที่เข้มข้น จึงควรทำน้ำสต๊อกให้มีกลิ่นอ่อน รสชาติที่ไม่จัดมาก แต่ยังให้ความหวานและดึงรสชาติของผักและเนื้อสัตว์ออกมาเพื่อให้เค้าเริ่มเรียนรู้ คุ้นชินกับรสชาติใหม่ๆ
คนไทยรับประทานข้าวเป็นอาหารหลัก การทำให้ลูกน้อยคุ้นเคยกับรสชาติของข้าวตั้งแรกเริ่มจึงเป็นเรื่องที่ไม่แปลกนัก ตัวของข้าวเมื่อนำมาต้มแล้วบดก็จะนิ่มรับประทานได้ง่าย เคี้ยวและกลืนได้ง่าย ทั้งยังมีสารอาหาร จำพวกคาร์โบไฮเดรท โปรตีน วิตามิน ซึ่งเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย เมื่อนำข้าวมาต้มหรือตุ๋นผสมพวกเนื้อสัตว์ต่างๆ หรือผักที่มีรสและกลิ่นที่ไม่แรงจะเป็นการกระตุ้นให้เด็กเริ่มทานอาหารได้ง่าย อีกหนึ่งวัตถุดิบที่สำคัญคือน้ำสต๊อกที่นำมาผสม เป็นตัวช่วยให้วัตถุดิบต่างๆ ผสมผสานกันอย่างกลมกล่อมมากขึ้น ช่วยให้รับประทานได้ง่าย
การใส่น้ำสต๊อกจะช่วยให้อาหารบดของลูกน้อยนิ่มและกลืนได้ง่ายมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
ความหยาบของอาหาร สำหรับลูกน้อยก็มีความสำคัญ เมื่อทารกเริ่มหัดรับประทานอาหารบดแรกเริ่ม เราอาจใช้การปั่นอาหารได้ โดยใช้น้ำสต๊อกเป็นตัวช่วย ใส่ลงไปในเครื่องปั่น ปั่นรวมกับวัตถุดิบอื่นๆโดยระวังไม่ให้อาหารที่ปั่นเหลวหรือใสจนเกินไป ให้มีความหนืดที่พอดี เพื่อให้ลูกน้อยได้รับปริมาณ และสารอาหารที่เพียงพอต่อมื้ออาหาร เมื่อลูกน้อยเริ่มกลืนและเคี้ยวได้ดีขึ้นแล้ว เราควรเพิ่มความหยาบของอาหารโดยใช้การบดหยาบแทนการปั่นเพื่อฝึกให้เค้ามีพัฒนาการทางการกลืนและเคี้ยวที่ดีมากยิ่งขึ้น เริ่มฝึกให้เค้าลองเนื้อสัตว์ชิ้นเล็กๆที่เคี้ยวง่ายอย่างเช่นเนื้อปลา ตามลำดับ
การให้อาหารตามวัยของทารก มีหลักที่ควรคำนึงถึงคือ
สมวัย + เพียงพอ + ปลอดภัย
เด็กทารกควรได้รับปริมาณอาหารและสารอาหารที่เพียงพอ เหมาะสมกับช่วงวัย ที่สำคัญคือต้องสะอาดและปลอดภัย อาหารที่รับประทานควรที่ะเป็นรสธรรมชาติไม่มีสารปรุงเเต่งใดๆ
แนวทางการให้นมแม่ และอาหารตามวัยสำหรับทารกแรกเกิดถึง 1 ปี
ช่วงอายุ | ปริมาณอาหารที่ทารกแรกเกิดถึง 1 ปีควรได้รับใน 1 วัน |
แรกเกิด - 6 เดือน | แนะนำให้ทารกรับประทานนมแม่ |
6-7 เดือน |
ให้อาหารเสริม 1 มื้อ ประกอบด้วย (บดละเอียด) • ข้าวบดละเอียด 3-4 ช้อนกินข้าว • เนื้อสัตว์ต่างๆ เช่น ไข่ต้ม ½ ฟอง หรือ เนื้อปลา หมู ไก่ ตับบด 1 ช้อนกินข้าว • ผักสีเขียว หรือผักสีเหลืองส้ม เช่น ตำลึง ฟักทอง แครอท ½-1 ช้อนกินข้าว • น้ำมันพืช ½ ช้อนชา |
8-9 เดือน |
ให้อาหารเสริม 2 มื้อ ประกอบด้วย (บดหยาบ) • ข้าวสวยนิ่มๆ 4 ช้อนกินข้าว • เนื้อสัตว์ต่างๆ เช่น ไข่ต้ม ½ ฟอง หรือ เนื้อปลา หมู ไก่ ตับบด 1 ช้อนกินข้าว • ผักสีเขียว หรือผักสีเหลืองส้ม เช่น ตำลึง ฟักทอง แครอท ½ - 1 ช้อนกินข้าว • น้ำมันพืช ½ ช้อนชา |
10-12 เดือน |
ให้อาหารเสริม 3 มื้อ ประกอบด้วย • ข้าวสวยนิ่มๆ 4 ช้อนกินข้าว • เนื้อสัตว์ต่างๆ เช่น ไข่ต้ม ½ ฟอง หรือ เนื้อปลา หมู ไก่ ตับบด 1 ช้อนกินข้าว • ผักสีเขียว หรือผักสีเหลืองส้ม เช่น ตำลึง ฟักทอง แคร์รอต 1½ ช้อนกินข้าว • น้ำมันพืช ½ ช้อนชา |